วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Technology

Technology

แนวโน้มเทคโนโลยีสารสนเทศในยุค Education4.0

ในปัจจุบันสังคมไทยยังเป็นสังคมบริโภคนิยม ซื้อกินซื้อใช้ ไม่ผลิตหรือสร้างอะไร ถ้าสังคมเป็นเช่นนี้จะเกิดการแข่งขันได้อย่างไร การศึกษาก็เช่นกัน ยังเป็นบริโภคนิยมไม่ค่อยค้นคว้าวิจัย ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการปรับปรุงการศึกษาใหม่ โดยสอนให้เด็กมีความคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ สร้างผลิตภัณฑ์ และต้องมีความรับผิดชอบตามคุณลักษณะของผู้เรียนของ CCPR Model

ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์
ศตวรรษที่ 21 ถือเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและวิถีการทำงาน ทำให้ทรัพยากรมนุษย์ต้องปรับตัวและยกระดับสมรรถนะ   ของตน เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนสามารถเป็นกำลังสำคัญของการขับเคลื่อนสู่ประเทศ 4.0 หรือพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่การเป็นประเทศโลก ปรับเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการปฏิรูปประเทศไทย แต่เมื่อหันกลับมามองกำลังคนของประเทศกลับพบว่าไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร                   ดังนั้นสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจจัดทำนโยบายการศึกษา เพื่อพัฒนากำลังคนผ่านกระบวนการศึกษา จึงได้ดำเนินการจัดทำ ข้อเสนอแนวทาการเสริมสร้างสมรรถนะกำลังคนรองรับโลกศตวรรษที่ 21 และแบ่งการดำเนินออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 สำรวจ 3 สมรรถนะ โดยอิงตามแนวทางการดำเนินงานของโครงการ Programme for the International Assessment of Adult Comprtencies (PIAAC1) การรู้หนังสือ ความสามารถในการอ่าน 2) ความสามารถในการคิดคำนวณ และ3) ความสามารถในการแก้ปัญหาภายใต้สภาพแวดล้อมที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
ระยะที่ 2 ทำการศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสาเหตุของการพัฒนาสมรรถนะพื้นฐาน
ระยะที่ 3 สำรวจสมรรถนะกำลังคนและความคาดหวังต่อสมรรถนะของเจ้าของกิจการและสถานประกอบการ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น

ทักษะของเด็กในศตวรรษที่ 21

3R
 คือ    Reading-อ่านออก,   (W)Riting-เขียนได้,   (A)Rithenmatics-คิดเลขเป็น
8C คือ
-Critical Thinking and Problem Solving: มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้
-Creativity and Innovation: คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม
-Collaboration Teamwork and Leadership: ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ         -Communication Information and Media Literacy: ทักษะในการสื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ
-Cross-cultural Understanding: ความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม กระบวนการคิดข้ามวัฒนธรรม
-Computing and ICT Literacy: ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และการรู้เท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งเยาวชนในยุคปัจจุบันมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอย่างมากหรือเป็น Native Digital ส่วน คนรุ่นเก่าหรือผู้สูงอายุเปรียบเสมือนเป็น Immigrant Digital แต่เราต้องไม่อายที่จะเรียนรู้แม้ว่าจะสูงอายุแล้วก็ตาม
-Career and Learning Skills: ทักษะทางอาชีพ และการเรียนรู้
-Compassion: มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย

Thailand 4.0 เป็นเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยในยุค 1.0 เป็นยุคเกษตรกรรม จากนั้นกลายเป็นยุค 2.0 ที่มีการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยงานหรือเป็นยุคของอุตสาหกรรมเบา ในขณะที่ยุค 3.0 เป็นยุคอุตสาหกรรมหนักและมีการลงทุนจากต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในยุค 3.0 ยังมีความเปราะบางต่อสถานการณ์โลก และประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นประเทศรายได้ปานกลางได้ ดังนั้นจึงนำมาสู่ Thailand 4.0 ที่เน้นที่การแก้ปัญหาให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เราจึงต้องพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า New Economy Model มีการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ประชาชนสามารถสร้างรายได้ได้ด้วยตนเอง ต้องมีการปฏิรูปทั้งโครงสร้างในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น ภาคธุรกิจ การเกษตร การศึกษา และแรงงาน จากระบบเศรษฐกิจที่เน้นการผลิตโดยใช้แรงงาน เครื่องจักรและทรัพยากร เปลี่ยนมาเป็นการผลิตบนฐานความรู้และเทคโนโลยี  โดยมีการดึงสถาบันวิจัยระดับโลกเข้ามาตั้งในประเทศไทย และมีความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และสถาบันการเงิน ให้มากขึ้นที่เรียกว่าประชารัฐ โดยมีเป้าหมายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 3-5 ปี
            ในการสร้างโมเดล Thailand 4.0 หรือ "ประเทศไทย 4.0" หรือ "ไทยแลนด์ 4.0" ที่เป็น Value-based Economy นั้น ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ อุตสาหกรรมหลักได้แก่
1.             Food, Agriculture & Bio-tech
2.             Health, Wellness & Bio-Medical
3.             Smart Devices, Robotics & electronics
4.             Digital & Embedded Technology
5.             Creative, Culture & High Value Service


การศึกษาไทย 1.0 เป็นยุคการศึกษาเพื่อสร้างนักปกครอง เป็นการศึกษาสำหรับชนชั้นสูงในสังคม โดยมีการจัดการศึกษาอย่างไม่เป็นทางการให้กับบุตรหลานชนชั้นปกครอง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นนักปกครองในรุ่นต่อไป การศึกษาในยุคนี้ไม่เป็นที่แพร่หลาย มีการจัดการศึกษาเฉพาะกลุ่มเท่านั้น รูปแบบการจัดการศึกษาเป็นแบบบอกความรู้จากผู้สอน ถ้าผู้สอนไม่มีอะไรจะสอนแล้ว ถือว่าสำเร็จการศึกษา
การศึกษาไทย 2.0 เป็นยุคแห่งการจัดการศึกษาที่เปิดกว้างขึ้น เพตุจากการจัดการศึกษาในยุค 1.0 นั้น ไม่สามารถผลิตกำลังคนได้ทันต่อความต้องการในการบริหารราชการบ้านเมือง ทำให้ชนชั้นปกครองต้องแก้ปัญหาด้วยการจัดให้มีการศึกษาสำหรับลูกหลานขุนนางชั้นสูง เพื่อผลิตกำลังคนป้อนเข้าสู่ระบบราชการ    ที่นับวันจะขยายขอบเขตงานเพิ่มมากขึ้น ตามความเจริญและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในยุคนั้น รูปแบบการจัดการศึกษาเริ่มมีระบบโรงเรียน แต่ยังเป็นการเรียนแบบบอกความรู้จากผู้สอนอยู่เช่นเดิม
การศึกษาไทย 3.0 ในยุคนี้เป็นยุคที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศกำลังพัฒนา ที่พึ่งพาอุตสาหกรรมเบาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเหตุให้การศึกษายุคนี้ เป็นการจัดการศึกษาเพื่อผลิตกำลังคนป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม เกิดการทำซ้ำบัณฑิตอย่างมโหฬาร เป็นเหตุให้เกิดความตกต่ำของบัณฑิตในทุกระดับ ทุกสถาบันการผลิต โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้นั้น เป็นแบบทางการเหมือนสายพานการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
การศึกษาไทย 4.0 การศึกษายุคนี้ ควรเป็นการศึกษาเพื่อการสร้างนวัตกรรม เป็นการศึกษาเพื่อปวงชน เป็นการศึกษาเพื่อสังคม ที่คนที่ได้รับการศึกษานั้นต้องหันมาช่วยเหลือสังคมอย่างจริงจัง และกว้างขวาง โดยที่ไม่ใช่การศึกษาเพื่อวัตถุประสงค์ใด วัตถุประสงค์หนึ่งดังเช่นที่ผ่านมา และการจัดการศึกษาต้องบูรณาการทั้งศาสตร์ ศิลป์ ชีวิต และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เพื่อสร้างคนที่สังคมต้องการได้ในทุกมิติ และมีรูปแบบการจัดการศึกษาที่หลากหลาย สอดคล้องและตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียน โดยครูอาจจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป หรือถ้าจำเป็นต้องมีก็ต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทไปอย่างมาก

ลักษณะพิเศษ Education 4.0

สืบเนื่องจาก การเข้าถึงเนื้อหาความรู้มีลักษณะเปิด Open Education Resource เข้าถึงได้ง่าย ยิ่งในยุค  สมาร์ทโฟน Mobile Education การเข้าถึงยิ่งสะดวกมากยิ่งขึ้น การแสวงหาความรู้จึงทำได้เร็ว เด็ก เยาวชน   ยุคใหม่ มีลักษณะเป็นชนพื้นเมืองดิจิทัล Digital native การเรียนการสอนแบบเก่าในห้องเรียน ที่ท่องบ่นเนื้อหา ตามแผนการสอน ตามกรอบหลักสูตร หรือทำโจทย์ ทำข้อสอบแบบเดิมจึงไม่เหมาะกับการศึกษายุคใหม่
การศึกษายุคใหม่ Next Generation Education ต้องเน้นแสวงหา เรียนรู้ได้เอง อย่างท้าทาย สร้างสรรค์ความรู้ใหม่ ต่อยอดความรู้เดิม คิดและประยุกต์ใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ได้ เหมาะกับตนเอง สังคมตามสถานะการณ์
การจัดการศึกษา 4.0 จึงต้องนำเอาหลักการ เกี่ยวกับยุคสมัยใหม่ ที่ตรงความสนใจของ ชนพื้นเมืองดิจิทัล ที่มีชีวิตในโลกไซเบอร์ ซึ่งประกอบด้วย
การจัดการศึกษาที่ก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันบนไซเบอร์ โดยใช้ขีดความสามารถของระบบเชื่อมโยงทางฟิสิคัลกับไซเบอร์ ที่มีอุปกรณ์สมาร์ทสมัยใหม่ช่วย เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเบล็ต ฯลฯ ต้องรู้จักใช้เครื่องมือสมัยใหม่เพื่อการแสวงหาเรียนรู้จากความรู้อันมหึมาบนคลาวด์ โดยการใช้เครื่องมือที่สมาร์ทสมัยใหม่เชื่อมโยงสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน 
การจัดการศึกษายุคใหม่ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงทำเรื่องยากให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น และเรียนรู้ได้เร็ว Learning curve  สร้างกิจกรรมใหม่ๆบนไซเบอร์ โดยมีเครื่องมือทางดิจิทัล และเทคโนโลยีเกิดใหม่ IT เป็นสิ่งทุ่นแรงเหมือนเครื่องจักรกลช่วยให้เรียนรู้ในสิ่งที่ยาก และสูงขึ้น ใช้รูปแบบเสมือนจริง Virtualization ให้ผู้เรียนใช้รูปแบบการใช้เชื่อมต่อบนคลาวด์แบบเสมือนจริง เครื่องมือการเรียนรู้แบบใหม่ๆ เป็นการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมแสดงออกในความคิดเห็น Socratic method
การจัดการศึกษาให้มีรูปแบบการบริการ Service oriented และเข้าถึงได้ในรูปแบบ real time ตลอดเวลา ทั่งถึง ทุกที่ ทุกเวลา Ubiquitous
การศึกษาต้องไม่เน้นกรอบการเรียนรู้ แต่เน้นการต่อยอดองค์ความรู้ สร้างความรู้ใหม่ ไม่อยู่ในกรอบหลักสูตรแบบเดิม เป็นการเรียนรู้ตามความต้องการมากขึ้น
โมเดลการจัดการศึกษาจะเปลี่ยนไป เหมือนการฟังเพลง เมื่อก่อนต้องซื้อเทป ซีดี หรือผู้เรียนต้องจ่ายค่าเล่าเรียน แต่การศึกษาแบบใหม่ การเข้าถึงบริการกิจกรรมการเรียนรู้บนไซเบอร์ จะเหมือนการฟังเพลงบน  ยูทูปโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ซื้อเทปซีดี เพียงการเข้าถึง บนคลาวด์ ในโลกไซเบอร์

แนวโน้มเทคโนโลยีการศึกษาในอนาคต

เทคโนโลยีในปัจจุบันมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว  ทำให้มีวัสดุ อุปกรณ์ และเทคนิควิธีการใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์อย่างไม่มีขีดจำกัดในทุกวงการ  เช่นเดียวกับวงการศึกษาที่นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการบริหารจัดการ การนำเอาเทคโนโลยี เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอน เป็นการเพิ่มพูน ประสิทธิภาพทางการเรียนรู้แก่ผู้เรียน และในสภาพปัจจุบันการเรียนการสอนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้ ครูจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนของตนเอง ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้น จึงต้องเรียนรู้เทคโนโลยีต่าง ๆ แล้ววิเคราะห์ความเป็นไปได้ ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ให้เหมาะสมกับสภาพของโรงเรียน ที่มีความพร้อมในระดับหนึ่ง ครูควรต้องพัฒนาตนเองเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม และยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เพื่อนำพาผู้เรียนให้สามารถเรียนรู้ ดำรงตนอยู่ได้อย่างมีความสุข
สามารถสรุปได้ว่า Education 4.0 คือ การเรียนการสอนที่สอนให้ผู้เรียนสามารถนำองค์ความรู้ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งบนโลกนี้ มาบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนานวัตกรรมต่างๆ มาตอบสนองความต้องการของคนสังคม  แต่ในความเป็นจริงการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันแตกต่างกับจุดมุ่งหมายของ Education 4.0 อย่างสิ้นเชิง เช่น เราไม่เคยสอนให้เด็กได้คิดเองทำเอง ส่วนใหญ่สอนให้เด็กทำโจทย์แบบเดิมๆ เด็กส่วนใหญ่ใช้เวลาในโลกออนไลน์ไปกับ การเล่นเกม การแชท เล่นFacebook Line Instargram เป็นการใช้เทคโนโลยีโดยไม่ค่อยสร้างสรรค์แต่เหรียญมักมีสองด้าน เราจะนำไปใช้ในด้านใดให้เกิดประโยชน์ มันเป็นความยากและความท้าทาย ของผู้ที่ต้องทำหน้าที่สอนเด็กๆ ในยุคนี้ เพราะการเรียนการสอนในยุค 4.0 ต้องปล่อยให้เด็กได้ใช้เทคโนโลยี ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ปล่อยให้เด็กกล้าคิดและกล้าที่จะทำผิด แต่ทั้งหมดก็ยังคงต้องอยู่ในกรอบที่สังคมต้องการหรือยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเก่งจริง คิดอะไรใหม่ๆ ได้เสมอมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม Education 4.0 เหมือนจะเป็นเรื่องง่ายเพราะมีปัจจัยหลักเพียง แค่ 3 ปัจจัย คือ

1. Internet  เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการค้นหาความรู้ ดังนั้นทางสถาบันการศึกษาต้องสนับสนุนให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาเข้าถึงInternet ได้ง่าย มากกว่ามอง Internet เป็นผู้ร้ายแล้วกลัวว่านักเรียน นิสิต นักศึกษาจะใช้ Internet ไปในทางที่ไม่ดีเลยไม่สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ในสถาบัน
2.ความคิดสร้างสรรค์ หลายๆท่านอาจคิดว่าเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ เป็นพรสวรรค์ไม่ใช่พรแสวงเรียนรู้กันไม่ได้ เพราะคิดกันแบบนี้เราถึงไม่สามารถสร้างอะไรใหม่ขึ้นมาได้ หลักสูตรการเรียนการสอนควรจะเปิดโอกาส ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา กล้าที่จะคิดนอกกรอบหรือต่อยอดจากตำรา
3.การปฏิสัมพันธ์กับสังคม  เพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของสังคมและทำงานร่วมกันในสังคมได้ สถานศึกษาควรมีกิจกรรมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาได้เข้าร่วมเป็นประจำ มีการสนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่มมากกว่างานเดี่ยว       
          หากเราสามารถทำตามปัจจัยทั้ง 3 ข้อ ได้เป็นอย่างดี Education 4.0 ก็จะสามารถสร้างและพัฒนาคน ให้สามารถค้นหาความรู้ต่างๆ มาปะติดปะต่อและประยุกต์เข้ากับงานที่ทำ สามารถต่อยอดและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ได้ มีเพื่อนฝูงมีคอนเนคชั่น ซึ่งทั้งหมดก็คือคุณสมบัติหลักๆ ของบุคลากรที่ตลาดแรงงานในยุค Industry 4.0 ต้องการ อาทิเช่น ช่วยกันปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนในโรงเรียน จากระบบการท่องจำและบรรยายโดยการที่ไม่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง มาเป็นระบบที่สอนให้ผู้เรียนได้หัดคิด หัดทำ สามารถที่จะโต้ตอบด้วยเหตุผลได้ แต่ก็ยังคงต้องมีกรอบให้เข้าใจถึงการอยู่ร่วมในสังคมด้วย ผู้เรียนจะได้มีโอกาสสร้างนวัตกรรมแข่งขันกับชาติอื่นๆ ได้


เทคโนโลยีล้าสมัย

1.แผ่น DVD

แต่ มีข้อมูลยืนยันว่าในสหรัฐฯ มีการจำหน่าย DVD ยอด 3 เดือน แรกที่ผ่านมา ลดลง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว เหตุผลหลักมาจาก เทคโนโลยี Internet Broadband ที่คนสามารถดาวน์โหลด หนังด้วยวิธีการง่ายๆอยู่กับบ้าน โดยไม่ต้องพึ่งพา DVD

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
2. นาฬิกาข้อมือ

ค้า บอกว่า เดี๋ยวนี้อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์หลายๆอย่าง มีนาฬิกาเป็นฟังก์ชั่นหนึ่งกันเกือบหมดแล้ว ต่อไปนาฬิกาข้อมือจะเป็นเพียงแค่เครื่องประดับ และไม่มีคนใช้ไปในที่สุด


3.โทรศัพท์พื้นฐาน
แบบมีสายใช้อยู่กับที่ ปัจจุบันทุกคนมีมือถือกันหมดแล้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โทรศัพท์ พื้นฐาน

4.เครื่องพิมพ์ดีด
เครื่อง พิมพ์ดีด เป็นเครื่องกลที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้แทนการเขียนด้วยมือ ทำให้เกิดความสะดวกในการอ่าน และการเผยแพร่ มีลักษณะเป็นแป้นพิมพ์ แล้วใช้คานกระแทกลงบนผ้าคาร์บอน ทับลงบนกระดาษอีกที่หนึ่ง ปัจจุบัน พัฒนาเป็นเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า สามารถพิมพ์ตัวหนังสือได้มากขึ้

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

5.Walkman
ในยุคสมัยที่ iPod ครองเมืองซะขนาดนี้




6.Beeper
หรือที่พวกเราชาวไทย เรียกกันว่า เพจเจอร์นั่นเอง


7.ม้วนวิดีโอเทป VTR
ก็ ม้วนวิดีโอเทป VTR

8.Floppy Disk A
ไม่ต้องพูดถึงเลย เลิกใช้มานานละ


9.Internet Dial-up
แบบที่ใช้สายโทรศัพท์ แล้วมีเสียงแปลกๆน่ะคับ สมัยนี้หมดยุคไปละ



10.กล้องฟิล์ม
เค้า บอกว่า ยุคนี้ฟิล์มหาซื้อยาก แลปที่จะล้างฟิล์มก็หายาก ค่ายที่ผลิตฟิล์มต้องอาศัยรายได้จากการขายอุปกรณ์ดิจิตอล มาจัดสรรให้กับการผลิตฟิล์ม





Thailand 4.0 การศึกษาไทย ในยุค ประเทศไทย 4.0






10 อันดับ เทคโนโลยีที่จะหายไปจากโลกภายใน 5-10 ปี (บางเทคโนโลยีเร็วๆนี้แน่นอน)





อ้างอิง


https://sites.google.com/a/msu.ac.th/rangsima_/education4-0

https://groups.google.com/forum/#!topic/cnxwalkingstreet/fHNXFqMO0Xw

https://www.youtube.com/watch?v=3FJ5PcbL7Tk

https://www.youtube.com/watch?v=3FJ5PcbL7Tk



ฝุ่น PM 2.5

 ฝุ่น PM 2.5

รู้จักฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่มากับมลภาวะ และวิธีการเลือกหน้ากากป้องกัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฝุ่น pm 2.5

PM2.5 คืออะไร?


คำว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง
พูดง่ายๆ คือ ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงจะเป็นเพียงฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว แต่เมื่อมาแผ่อยู่รวมกันจะกินพื้นที่ในอากาศมหาศาล ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศปริมาณสูง เกิดเป็นหมอกควันอย่างที่เราเห็นกัน
ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM2.5 ยังเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และหลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว


           ภาพเปรียบเทียบขนาดฝุ่นละออง PM2.5 (วงกลมสีฟ้า)กับขนาดของฝุ่นละออง PM10(วงกลมสีขาว), เส้นผม, เม็ดทราย


ฝุ่นละอองมาจากไหน?

สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย เช่น โรงผลิตไฟฟ้า ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่ด้วย ซึ่งปกติแล้วกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำทุกวันก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่แหล่งต้นตอสำคัญของ PM2.5 ในบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่นจากการก่อสร้าง
ตัวเมืองที่มีตึกสูงรายล้อมเหมือน “ กรุงเทพ ” จะมีลักษณะคล้ายๆ แอ่งกระทะ เกิดการสะสมของเจ้าฝุ่นร้ายได้ง่าย ซึ่งปกติฝุ่นเหล่านี้จะลอยขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดฟุ้งกระจายไป แต่ถ้าวันไหนที่อากาศนิ่ง ไม่ค่อยมีลมพัด ฝุ่นละอองจะไม่ฟุ้งกระจาย ส่งผลให้ระดับความเข้มของฝุ่นในพื้นที่นั้นๆ สูงมากขึ้นจนกลายเป็นระดับที่อันตรายต่อสุขภาพ และเจ้าฝุ่นjavascript:void(null);ร้ายมักวนเวียนอยู่มากในช่วงกลางคืน แต่จะค่อยๆ จางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างในยามเช้า

มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร?


ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเจ้าฝุ่นร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่น ขนาดเล็กจิ๋วมาก สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราลึกได้ถึงถุงลมปอด บางส่วนสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ความน่ากลัวของเจ้าฝุ่นร้ายนี้ คือ กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ รบกวนสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกายของเรามาก แล้วส่งผลกระทบต่างๆ ตามมา ดังนี้
  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง
  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • สำหรับผลระยะยาวจะทำให้การทำงานของปอดถดถอย อาจเกิดโรคถุงลมโป่งพองได้แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และเพิ่มโอกาสทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ด้วย

ข้อแนะนำและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นพิษ PM 2.5


  1. 1.  ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
  2. 2.  หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำเกษตรกรรม เผาขยะ หรือวัสดุเหลือใช้
  3. 3.  ควบคุมกระบวนการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด
  4. 4.  ออกกำลังกายในที่ร่ม ฝุ่นน้อยๆ และไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกกำลังกาย
  5. 5.  รับประทานอาหารเสริม อาหารที่มีวิตามินซี และวิตามินอีสูง เช่น ถั่ว ปลา(มีโอเมก้า 3 มาก)
  6. 6.  ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกข้างนอกบ้าน หรือที่โล่งแจ้ง ให้ใส่หน้ากากพิเศษชนิดที่เรียกว่า “เอ็นเก้าสิบห้า” โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบการหายใจหรือโรคหัวใจเรื้อรัง สำหรับคนทั่วไปอย่างน้อยให้ใส่ “หน้ากากอนามัย” โดยต้องใส่ให้ถูกต้องวิธี คือ หันด้านที่เป็นสีเขียวและเป็นมันออกด้านนอก ให้ส่วนที่มีแผ่นเสริมความแข็งแรงและช่วยการเข้ารูปอยู่ด้านบนของจมูก สังเกตรอยพับของผ้าด้านหน้าต้องพับลง หากใส่ผิดรอยพับจะกักเก็บฝุ่นละอองในรอยพับ ทำให้หายใจลำบาก

ประเภทของหน้ากากอนามัยและการเลือกใช้ให้เหมาะสม

  1. 1.หน้ากากอนามัยชนิดN95

    เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้เป็นหน้ากากที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับป้องกันมลพิษ ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ
  2. 2. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ3ชั้น

  3. หรือที่เรียกว่าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาทั่วไป เน้นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจามจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ แต่หากเป็นเชื้อไวรัสซึ่งมีอนุภาคเล็กระดับไมครอน อาจไม่สามารถป้องกันได้ จึงไม่เพียงพอหากต้องการป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 และควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ
  4. 3.หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้าย

    javascript:void(null);
    ระดับความป้องกันไม่แตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ เน้นการป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอจาม สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ไมครอนขึ้นไป จึงไม่เหมาะกับการป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 แต่มีข้อดี คือ ประหยัด สามารถนำไปซักกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วนำลับมาใช้ใหม่ได้

สรุป  ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นมลพิษต่ออากาศและร่างกาย ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ คือ หน้ากาก N95 ส่วนหน้ากากประเภทอื่นนั้น ช่วยป้องกันได้เพียงส่วนหนึ่ง และควรใส่ให้ถูกวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่วิธีที่ดีสุด คือ การแก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้น มาร่วมด้วยช่วยกันคืนอากาศบริสุทธิ์ให้พวกเราทุกคน โดยควบคุมเจ้าฝุ่นร้าย PM2.5 ไม่ให้เกินมาตรฐาน


อ้างอิง

https://www.honestdocs.co/pm-2-5-environmental-nano-pollutants

http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/Urban-Revolution/Air-Pollution/Right-To-Clean-Air/City-ranking/2017/

https://www.youtube.com/watch?v=gfYPnC-asKo





Python


โปรแกรม Python


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง



ประวัติ Python


          ภาษาไพทอน (Python programming language) เป็นภาษาโปรแกรมแบบอินเทอร์พรีเตอร์ ที่สร้างโดย กีโด ฟาน รอสซัม (Guido van Rossum) ในพ.ศ. 2533 ปัจจุบันดูแลโดย มูลนิธิซอฟต์แวร์ไพทอน

จุดเด่นของภาษาไพทอน


          ไพทอนเป็นภาษาสคริปต์ ทำให้ใช้เวลาในการเขียนและคอมไพล์ไม่มาก ทำให้เหมาะกับงานด้านการดูแลระบบ (System administration) เป็นอย่างยิ่ง ได้มีการสนับสนุนภาษาไพทอนโดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการยูนิกซ์, ลินุกซ์ และสามารถติดตั้งให้ทำงานเป็นภาษาสคริปต์ของวินโดวส์ ผ่านระบบ Windows Script Host ได้อีกด้วย และ Python เองก็ได้ถูกนำมาพัฒนา Web application อย่างแพร่หลาย ซึ่งมี Framework สำหรับทำเว็บของ Python ที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ Django

ไวยากรณ์อ่านง่าย


    ไวยากรณ์ของไพทอนได้กำจัดการใช้สัญลักษณ์ที่ใช้ในการแบ่งบล็อกของโปรแกรม และใช้การย่อหน้าแทน ทำให้สามารถอ่านโปรแกรมที่เขียนได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีการสนับสนุนการเขียน docstring ซึ่งเป็นข้อความสั้นๆ ที่ใช้อธิบายการทำงานของฟังก์ชัน, คลาส, และโมดูลอีกด้วย

 ความเป็นภาษากาว


         ไพทอนเป็นภาษากาว (Glue Language) ได้อย่างดีเนื่องจากสามารถเรียกใช้ภาษาโปรแกรมอื่นๆ ได้หลายภาษา ทำให้เหมาะที่จะใช้เขียนเพื่อประสานงานโปรแกรมที่เขียนในภาษาต่างกันได้

ไลบรารีในไพทอน


         การเขียนโปรแกรมในภาษาไพทอนโดยใช้ไลบรารีต่าง ๆ เป็นการลดภาระของโปรแกรมเมอร์ได้เป็นอย่างดี ทำให้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องเสียเวลากับการเขียนคำสั่งที่ซ้ำๆ เช่นการแสดงผลข้อมูลออกสู่หน้าจอ หรือการรับค่าต่าง ๆ

      ไพทอนมีชุดไลบรารีมาตรฐานมาให้ตั้งแต่ติดตั้งอินเตอร์พรีเตอร์ นอกจากนั้นยังมีผู้พัฒนาจากทั่วโลกดำเนินการพัฒนาไลบรารีซึ่งช่วยอำนวยความ สะดวกในด้านต่าง ๆ โดยจะเผยแพร่ในรูปแบบของแพ็คเกจต่าง ๆ ซึ่งสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้อีกด้วย
สุดท้าย คือ ภาษาไพทอน ทำงานเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับภาษา script ด้วยกัน เช่น php, jsp, asp จะพูดว่า ไพทอน เขียนน้อยได้งานมาก ทำงานเร็วก็ไม่ผิดนัก

ขั้นตอน วิธีการติดตั้ง ไพธอน Python 3.2 บน Windows XP - Install Python


python (ไพธอน) เป็น Programming language แบบเดียวกับ PHP คือ เป็นภาษาโปรแกรมแบบอินเทอร์พรีเตอร์

ขั้นตอนการติดตั้ง ไพธอน ( Python 3.2 บน Windows XP )


1. ดาวน์โหลดไฟล์ ติดตั้ง ของ ไพธอน

หน้าดาวน์โหลด Python


2. จะได้ไฟล์ python-3.2.3.msi ซึ่งมีขนาดประมาณ 17Mb ใช้สำหรับการติดตั้ง ให้ ดับเบิ้ลคลิก เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการติดตั้ง ดังรูป

Pre install หน้าจอเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง Python

                                             ให้เลือก Install for all users แล้วคลิก Next >

3. จะเข้าสู่หน้าจอเลือก Path ในการติดตั้ง ดังรูป 

จะเข้าสู่หน้าจอเลือก Path ในการติดตั้ง


                                           ในที่นี่นี้เลือก C:\Python32 แล้วคลิก Next >

4. จะเข้าสู่หน้าจอ เลือก Features ในการติดตั้ง ในที่นี้จะเลือกตั้งหมดตามค่ามาตรฐาน แล้วคลิก Next > 
5. รอจนติดตั้งเสร็จคลิก จะได้หน้าจอดังรูป

ติดตั้ง Python สำเร็จ

คลิก ปุ่ม Finish ก็เสร็จขั้นตอนการติดตั้ง

เสร็จแล้ว ลองเข้าไปที่ Start >> Program >> Python3.2 จะได้หน้าจอ

เมนูต่างๆ ของ Python เมื่อติดตั้งสำเร็จ


ลองคลิกเข้าไปที่ เมนู IDLE จะมีหน้าต่างๆ Python Shell ขึ้นมา ซึ่ง IDLE จะเป็นทั้งเครื่องมือสำหรับเขียน และ แปลภาษาของ Python 
ลง พิมพ์ข้อความ print('Hello Midphp');
แล้ว กด Enter จะได้ข้อความ Hello Midphp แสดงว่า Python


ตัวแปร และ คำสงวน ในไพทอน 

Python ไม่จำเป็นต้องประกาศตัวแปรก่อนใช้งาน สามารถกำหนดค่าขึ้นมา และเรียกใช้ได้เลย แต่การตัวชื่อตัวแปรของ ไพทอนต้องเป็นไปตามกฏดังนี้

  1. ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป
  2. ตัวแปรห้ามมีช่องว่าง
  3. ห้ามมีสัญลักษณ์พิเศษเช่น #,?,$,...  (คนที่เขียน PHP มาอย่าลงไปใส่ $ เข้านะครับ)
  4. ตัวแปรต้องไม่ซ้ำกับคำสงวน ดูคำสงวนได้ท้ายบทความนี้
  5. ตัวแปรใช้ตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ มีึความหมายต่างกัน (case-sensitive แบบเดียวกับ PHP)

ชนิดข้อมูลของไพทอน ไพทอนมีชนิดข้อมูลพืนฐานอยู่ 5 ชนิดดังนี้

  • Numbers เก็บข้อมูลตัวเลข
  • String เก็บข้อมูลตัวอักษร
  • List เก็บข้อมูลได้มากว่า 1 ค่าใน 1 ตัวแปร หรือที่เรียกว่า compound type
  • Tuple อ่านว่า "ทูเพิล" เก็บข้อมูลได้มากว่า 1 ค่าใน 1 ตัวแปร ใช้สำหรับเก็บลำดับ หรือที่เรียกว่า sequence type
  • Dictionary เก็บข้อมูลได้มากว่า 1 ค่าใน 1 ตัวแปรเช่นกัน หรือที่เรียกว่า table type เทียบได้กับตัวแปร array ใน php
  คำสงวน ในภาษาไพทอน
and, as, assert, break, class, continue, def, del, elif, else, except, exec, finally, for, from, global, if, import, in, is, lambda, not, or, pass, print, raise, return, try, while, with, yield 

ลำดับความสำคัญของตัวดำเนินการใน Python Operators Precedence

ในตารางจะแสดง operators ทั้งหมดของ ไพทอน ลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย

OperatorDescription
**ยกกำลัง
~ + -Ccomplement, unary plus and minus
* / % //คูณ, หาร, modulo and floor division
+ -บวก, ลบ
>> <<Right and left bitwise shift
&Bitwise 'AND'
^ |Bitwise exclusive `OR' and regular `OR'
<= < > >=Comparison operators
<> == !=Equality operators
= %= /= //= -= += *= **=Assignment operators
is is notIdentity operators
in not inMembership operators
not or andLogical operators
นอกจากในตารางแล้วยังมีตัวดำเนินการที่มีลำดับความคำคัญสูงสุดคือ "(...)"
ตัวอย่าง


a=2
b=3
c=4
print(a**b+c)

มีค่าเท่ากับ


print (2*2*2+4);
จะได้ผลลัพท์ เป็น 12 

ตัวดำเนินการใน Python operator

ตัวดำเนินการ คืออะไร ?  ตัวดำเนินการ (operator) คือถ้าพูดง่ายๆ คือเครื่องหมายที่ไว้จัดการ กับตัวแปร ตัวอย่างเช่น 
a=5
b=6
a+b=11
ตัวดำเนินการคือเครื่องหมาย "+" 

สำหรับตัวดำเนินการในภาษาไพทอนมีดังนี้
  • ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Operators)
  • ตัวดำเนินการเปรีบเทียบ (Comparision Operators)
  • ตัวดำเนินการทางตรรกะ ( Logical (or Relational) Operators)
  • ตัวดำเนินการกำหนดค่า (Assignment Operators)
  • ตัวดำเนินการระดับบิท (Bitwise Operators)
  • ตัวดำเนินการสมาชิก (Membership Operators)
  • ตัวดำเนินการตรวจสอบเงื่อนไข (Conditional (or ternary) Operators)

ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์


สมมุติ 
a มีค่า 10 
b มีค่า 20

ตัวดำเนินการอธิบายตัวอย่าง
+บวกa + b มีค่า 30
-ลบa - b มีค่า -10
*คูณa * b มีค่า 200
/หารb / a มีค่า 2
%เศษของการหารb % a มีค่า 0
**ยกกำลังa**b หมายถึง 10 ยกกำลัง 20
//หารปัดเศษทิ้ง9//2 is มีค่า 4 และ 9.0//2.0 มีค่า 4.0

ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ


ตัวดำเนินการอธิบายตัวอย่าง
==เช็คว่าค่าสองค่าเท่ากันหรือไม่(a == b) เป็นเท็จ
!=เช็คว่าค่าสองค่าไม่เท่ากันหรือไม่(a != b) เป็นจริง
<>เช็คว่าค่าสองค่าไม่เท่ากันหรือไม่(a <> b) เป็นจริง. เหมือนกับตัวดำเนินการ !=
>เช็คว่าค่าทางซ้ายมากกว่าค่าทางขวาหรือไม่(a > b) เป็นเท็จ
<เช็คว่าค่าทางซ้ายน้อยกว่าค่าทางขวาหรือไม่(a < b) เป็นจริง
>=เช็คว่าค่าทางซ้ายมากกว่าหรือเท่ากับค่าทางขวาหรือไม่(a >= b) เป็นเท็จ
<=เช็คว่าค่าทางซ้ายน้อยกว่าหรือเท่ากับค่าทางขวาหรือไม่(a <= b) เป็นจริง.

ตัวดำเนินการกำหนดค่า


ตัวดำเนินการอธิบายตัวอย่าง
=ตัวแปรทางซ้ายถูกกำหนดให้มีค่าเท่ากับทางขวาc = a + b เป็นการกำหนดค่าให้กับ c  โดยให้มีค่าเท่ากับ a + b
+=บวกค่าของทางซ้ายด้วยค่าทางขวาc += a  หมายความว่า c = c + a
-=ลบค่าของทางซ้ายด้วยค่าทางขวาc -= a หมาความว่า c = c - a
*=คูณค่าของทางซ้ายด้วยค่าทางขวาc *= a หมาความว่า c = c * a
/=หารค่าของทางซ้ายด้วยค่าทางขวาc /= a หมาความว่า c = c / a
%=หารเอาเศษค่าของทางซ้ายด้วยค่าทางขวาc %= a หมาความว่า c = c % a
**=ยกกำลังค่าของทางซ้ายด้วยค่าทางขวาc **= a หมาความว่า c = c ** a
//=หารปัดเศษทิ้งค่าของทางซ้ายด้วยค่าทางขวาc //= a หมาความว่า c = c // a

ตัวดำเนินการทางตรรกะ


ตัวดำเนินการอธิบายตัวอย่าง
andand เช็คว่าทั้งสองตัวเป็นจริงถึงจะคืนค่าจริง กรณีอื่นๆเป็น เท็จทั้งหมด(a and b) เป็นจริง.
oror ถ้าทั้งสองตัวหนึ่งเป็นเท็จจะคืนค่า เท็จ กรณีอื่นๆ เป็นจริงทั้งหมด(a or b) เป็นจริง.
notคืนค่าตรงกันข้ามของค่าปัจจุบันnot(a and b) เป็นเท็จ เพราะ a and b เป็นจริง.

ตัวดำเนินการสมาชิก

ตัวดำเนินการสมาชิกเป็น ตัวดำเนินการพิเศษของภาษา Python จะไม่พบในภาษาอื่น ไว้สำหรับเช็คว่า ค่าที่เรากำลังสนใจเป็นสมาชิกของตัวแปรนั้นๆ หรือไมจะคืนค่าเป็น จริงหรือเท็จแล้วแต่กรณีใช้กับ such as strings, lists, or tuple
ตัวดำเนินการอธิบายตัวอย่าง
inจะคืนค่าเป็นจริงถ้า พบค่าในตัวแปรที่เราสนใจ ในกรณีอื่นเป็นเท็จทั้งหมดx in y, คือค่าเป็น 1 ถ้า x เป็นสมาชิกของ y.
not inจะคืนค่าเป็นจริงถ้าไม่พบค่าในตัวแปรที่เราสนใจ ในกรณีอื่นเป็นเท็จทั้งหมดx not in y, คือค่าเป็น 1 ถ้า x ไม่เป็นสมาชิกของ y
นอกจากนี้ Python ยังมี  Identity Operators เพื่อเช็คว่ามีตัวแปรที่ต้องการทราบอยู่ใน memory หรือเปล่า คือ is และ not is


ตัวแปรชนิดลิสในไพทอน เป็นตัวแปรที่เป็น compound data type 

คือตัวแปร 1 ตัวเก็บค่าได้มากกว่าหนึ่งค่าเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย (คล้ายๆ ตัวแปร array ในภาษา php) 
การกำหนดค่าสมาชิกแต่ละตัวของ ตัวแปรลิส ต้องอยู่ในเครื่องหมาย [...]
ตัวอย่างเช่น Lists.py



var_list = [ 'abcd', 123 , 1.23, 'Mindphp.com', 20.2 ]
var_tinylist = [123, 'mindphp']

print (var_list)          # แสดงค่าทั้งหมดในตัวแปร var_list
print (var_list[0])       # แสดงรายการแรกของตัวแปร var_list
print (var_list[1:3])     # แสดงรายการที่ สอง ถึงสามรายการถัดไป 
print (var_list[2:])      # แสดงรายการที่สามถึง สุดท้าย
print (var_tinylist * 2)  # แสดงรายการทั้งหมดของตัวแปร var_tinylist สองครั้ง
print (var_list + var_tinylist) # แสดงรายการทั้งหมดของ var_list, var_tinylist ร่วมกัน
ผลที่ได้
['abcd', 123, 1.23, 'Mindphp.com', 20.2]
abcd
[123, 1.23]
[1.23, 'Mindphp.com', 20.2]
[123, 'mindphp', 123, 'mindphp']
['abcd', 123, 1.23, 'Mindphp.com', 20.2, 123, 'mindphp']


ทูเปิลเป็นตัวแปรที่เก็บข้อมูลแบบลำดับ (sequence data type) คล้ายๆ กับ ตัวแปรชนิดลิส ทูเปิลจะเก็บค่าของสมาชิกแต่ละตัวไว้ใน เครื่องหมาย (...,...,...)
ตัวอย่าง Tuples.py

var_tuples = ( 'abcd', 123 , 1.23, 'Mindphp.com', 20.2 )
var_tinytuples = (123, 'mindphp')

print (var_tuples)          # แสดงค่าทั้งหมดในตัวแปร var_tuples
print (var_tuples[0])       # แสดงรายการแรกของตัวแปร var_tuples
print (var_tuples[1:3])     # แสดงรายการที่สอง ถึง สามรายการถัดไป 
print (var_tuples[2:])      # แสดงรายการที่สาม ถึง สุดท้าย
print (var_tinytuples * 2)  # แสดงรายการทั้งหมดของตัวแปร var_tuples สองครั้ง
print (var_tuples + var_tinytuples) # แสดงรายการทั้งหมดของ var_tuples, var_tinytuples รวมกัน

ผลที่ได้ 
('abcd', 123, 1.23, 'Mindphp.com', 20.2)
abcd
(123, 1.23)
(1.23, 'Mindphp.com', 20.2)
(123, 'mindphp', 123, 'mindphp')
('abcd', 123, 1.23, 'Mindphp.com', 20.2, 123, 'mindphp')


Tuples เมื่อสร้างขึ้นมาแล้วเราไม่สามารถเพิ่มค่าให้ตัวแปรได้ 
เช่น ได้เช่น ตามตัวอย่าง ตัวแปร var_tuples มี index ทั้งหมด 5 ตัว 
เราไม่สามารถ 
var_tuples[6] = ' My Var' # ไม่สามารถทำได้ จากต่างจาก List ที่สามารถกำหนด ค่าใหม่ให้กับ index เดิม ได้

ตัวแปรชนิดดิกชันนารี ใน ไพทอน Python Dictionary Data type


ตัวแปรชนิดดิกชันนารี ในไพทอน ดิกชันนารีในไพทอนเรียกได้ว่าเป็น hash table type คล้ายกับ ตัวแปร array ใน php และ hash ใน ภาษา Perl มาก คือจะมี key และ value คู่กันไปเสมอ key สามารถ เอา data type อะไรของ ไพทอนมากำหนด ก็ได้ แต่แนะนำว่าใช้ แค่ string และ numbers จะดีกว่า ตัวแปร ดิกชันนารี ถ้ากำหนดค่าให้อยู่ในเครื่องหมาย curly braces " {...}"  และ key จะถูกกำหนดอยู่ในเครื่องหมาย square braces "[]"

ตัวอย่าง Dictionary.py


var_dict = {}
var_dict['one'] = "This is one"
var_dict[2]     = "This is two"

var_tinydict = {'one': 'This is one ของ var_tinydict', 2:'This is two ของ var_tinydict', 'dept': 'sales'}

print (var_dict)              # แสดงค่าทั้งหมดของ var_dict
print (var_dict['one'])       # แสดงเฉพาะ key "one" ของ ตัวแปร var_dict
print (var_dict[2])           # แสดงเฉพาะ key "2" ของ ตัวแปร var_dict
print ( var_dict.keys() )     # แสดง key ทั้งหมดของ ตัวแปร var_dict
print ( var_dict.values())    # แสดง values ทั้งหมดของ var_dict

print ('---------------------------')

print (var_tinydict)              # แสดงค่าทั้งหมดของ var_dict
print (var_tinydict['one'])       # แสดงเฉพาะ key "one" ของ ตัวแปร var_dict
print (var_tinydict[2])           # แสดงเฉพาะ key "2" ของ ตัวแปร var_dict
print ( var_tinydict.keys() )     # แสดง key ทั้งหมดของ ตัวแปร var_dict
print ( var_tinydict.values())    # แสดง values ทั้งหมดของ var_dict 

ผลที่ได้ 
{2: 'This is two', 'one': 'This is one'}
This is one
This is two
dict_keys([2, 'one'])
dict_values(['This is two', 'This is one'])
---------------------------
{'dept': 'sales', 2: 'This is two ของ var_tinydict', 'one': 'This is one ของ var_tinydict'}
This is one ของ var_tinydict
This is two ของ var_tinydict
dict_keys(['dept', 2, 'one'])
dict_values(['sales', 'This is two ของ var_tinydict', 'This is one ของ var_tinydict'])

วีดิโอการเขียนโปรแกรม Python



 โค้ดของ Python

 ถูกสร้างขึ้นมาจากภาษาซี การประมวลผลจะทำในแบบอินเทอร์พรีเตอร์ คือจะประมวลผลไปทีละบรรทัดและปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ Python เวอร์ชันแรกคือ  เวอร์ชัน 0.9.0 ออกมาเมื่อปี 2533 และเวอร์ชันปัจจุบันคือ 3.5
    คุณลักษณะเด่นของภาษา Python
    1.สนับสนุนแนวแบบคิดออปเจกต์โอเรียนเทด หรือ OOP (Object Oriented Programming)
    2.เป็น Open Source
    3.โค้ดที่เขียนด้วย Python สามารถนำไปรันบนระบบปฏิบัติการได้หลากหลาย
    4.สนับสนุนเทคโนโลยี COM ของ Ms-windows
    5.Python รวมมาตรฐานการอินเตอร์เฟส Tkinter ซึ่งสนับสนุนบนระบบ X windows, Ms-windows และ Macintosh การใช้คำสั่ง Tkinter API ช่วยให้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องแก้ไขโค้ดเมื่อนำไปรันบนระบบปฏิบัติการอื่นๆ
    6.เป็น Dynamic typing คือ สามารถเปลี่ยนชนิดข้อมูลได้ง่ายและสะดวก
    7. มี Buil-in Object Types คือ โครงสร้างของข้อมูลที่สามารถใช้ได้ใน Python ประกอบด้วย ลิสต์, ดิกชันนารี, สตริง ที่ง่ายต่อการใช้งานและมีประสิทธิภาพสูง
    8.มีเครื่องมือต่างๆ มากมาย เช่น การประมวลผลเท็กซ์ไฟล์ การเรียงข้อมูล การเชื่อต่อสตริง การตรวจสอบเงื่อนไขของข้อความ การแทนคำ เป็นต้น
    9.มีมอดูลสำหรับจัดการ Regular Expresion
    10.มีมอดูลที่สร้างขึ้นจากนักพัฒนาสนับสนุนมากมาย ได้แก่ COM, Image, CORBA, ORBs, XML เป็นต้น
    11.จัดการหน่วยความจำอย่างอัตโนมัติ สามารถจักการพื้นที่หน่วยความจำที่ไม่ต่อเนื่องให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    12.อนุญาตให้ฝังชุดคำสั่งของ Python เอาไว้ภายในโค๊ดภาษา C/C++ ได้
    13.อนุญาตให้โปรแกรมเมอร์สร้าง Dynamic Link Libray (DLL) เพื่อใช้ร่วมกับ Python
    14.มีมอดูลสนับสนุนเกี่ยวกับเน็ตเวิร์ก โปรเซส เธรด regular, expression, xml, GUI และอื่นๆ
    15ประกอบด้วยมอดูลสำหรับสร้าง Internet Script และติดต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่าน Sockets, และทำหน้าที่เป็น CGI Script ตรอดจนใข้งานคำสั่ง FTP , Glopher, XML และอื่นๆอีกมาก
    16.สามารถประมาลผมทางด้านวิยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    17.มีฟังก์ชันสนับสนุนฐานข้อมูล เช่น MySQL, Sybase, Oracle , Informix, ODBC และอื่นๆ
    18.มีไลบรารีสนับสนุนด้านการสร้างภาพกราฟฟิก เช่น ทำภาพเบลอ หรือภาพชัด หรือเขียนข้อความบนภาพ ตลอดจนบันถึกไฟล์ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
    19.มีไลบรารีสนับสนุนด้านปัญยาประดิษฐ์
    20.มีไลบรารีสำหรับสร้างเอกสาร PDF โดยไม่ต้องติดตั้ง Acrobat Writer
    21.มีไลบรารีสำหรับสร้าง Shockwaves Flash (SWF) โดยไม่ต้องติดตั้ง Macromedia Flash
อ้างอิง
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2393-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2-python-%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%99.html
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2378-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87-python.html
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2395-python-variable.html
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2398-python-operator.html
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2399-operators-precedence.html
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2401-lists-data-type.html
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2402-python-tuples-data-type.html
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C/83-python/2403-dictionary-data-type.html
https://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2417-python-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html
https://www.youtube.com/watch?v=LQruybKFFAA





Technology

Technology แนวโน้มเทคโนโลยีสารสนเทศในยุค Education4.0 ในปัจจุบันสังคมไทยยังเป็นสังคมบริโภคนิยม ซื้อกินซื้อใช้ ไม่ผลิตหรือสร้างอะไ...